การใช้ยาในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง มีข้อควรพิจารณาอย่างไร

ยา เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ ช่วยในการรักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย แต่ทั้งนี้ยาก็มีทั้งคุณและโทษ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ยาแต่ละชนิด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายในการรักษาโรคและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด

หลักการสำหรับการใช้ยาในชีวิตประจำวัน มีดังนี้

ใช้ยาให้ถูกโรค

ยาแต่ละชนิดมีสรรพคุณหรือมีการออกฤทธิ์ต่อร่างกายที่มีความแตกต่างกัน การใช้ยาให้ถูกกับโรคจะช่วยให้การรักษานั้นได้ผลดี และได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาน้อยลง ถ้าหากใช้ยาไม่ถูกกับโรค นอกจากจะรักษาไม่ได้ผลตามที่ต้องการแล้ว อาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับร่างกายจากการใช้ยาได้ ดังนั้นจะต้องได้รับคำแนะนำการใช้ยาชนิดนั้นๆจากแพทย์ หรือเภสัชกร แต่มียาหลายชนิดที่ผู้คนนิยมซื้อจากร้านขายยาทั่วไปมาไว้ที่บ้าน หากมีปัญหาทางสุขภาพก็จะได้หยิบมาใช้ได้ทันท่วงที แต่สิ่งสำคัญควรที่จะขอคำแนะนำหรือวิธีการใช้ยาจากเภสัชกรด้วย

ใช้ยาให้ถูกขนาด

ยาสำหรับใช้ในการรักษาโรคนั้นโดยทั่วไปจะได้รับการทดลองหรือมีการศึกษามาอย่างดีแล้วว่า จะต้องใช้ขนาดหรือปริมาณเท่าใดจึงจะได้ผลดีต่อการรักษาโรคและมีความปลอดภัย หากรับประทานยาน้อยไปการรักษาก็จะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นก็อาจจะได้รับอันตรายจากการใช้ยาได้ ดังนั้นจึงไม่ควรทำการปรับขนาดการใช้ยาเอง หากไม่แน่ใจในขนาดที่รับประทานก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ใช้ยาให้ถูกคน

ยาแต่ละขนาดแต่ละชนิดสามารถให้ผลต่อร่างกายในแต่ละคนแตกต่างกันออกไป เพศที่มีความแตกต่างกันการตอบสนองต่อยาก็จะมีความแตกต่างกันได้ ยาที่ใช้ในผู้ชายสำหรับชะลออาการผมบางที่เกิดจากพันธุกรรม หากผู้หญิงตั้งครรภ์นำมาใช้ก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ได้ หรือหากเป็นในเรื่องของอายุ วัยเด็กนั้นมีโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในการใช้ยาได้มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะร่างกายเด็กยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อยาก็ยังไม่ดี อีกทั้งเด็กแต่ละคนมีการเจริญเติบโตและมีน้ำหนักที่แตกต่างกัน ดังนั้นขนาดการรับประทานยาของเด็กควรคำนวนตามน้ำหนักจริงของเด็กแต่ละคนด้วย

ใช้ยาให้ถูกเวลา

การรับประทานยาตามเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้ยานั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ดีขึ้น หากรับประทานยาตามแพทย์สั่งก็ควรรับประทานยาให้ครบกำหนด ไม่หยุดยากลางคันซึ่งอาจส่งผลต่อการดื้อยาได้ หากเป็นยาก่อนอาหาร ก็ควรรับประทานยาชนิดนั้นๆก่อนอาหาร 30-60 นาที เพื่อให้ยาสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดียิ่งขึ้น สำหรับยาหลังอาหารนั้น สาเหตุที่ให้รับประทานหลังอาหาร เพราะว่ายาที่รับประทานมีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะไประคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นอาหารที่รับประทานเข้าไปก่อนจะไปช่วยเจือจางตัวยาไม่ให้ไปสัมผัสกับผนังกระเพาะอาหารโดยตรงนั่นเอง

อ่านฉลากก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ก่อนที่จะใช้ยา ควรที่จะอ่านฉลากก่อนใช้ยาทุกครั้งเพื่อเป็นการป้องกันการหยิบใช้ยาผิด ฉลากยาควรมีข้อความชัดเจน ทั้งชื่อยา สรรพคุณ ปริมาณการใช้ยา คำเตือน และวันหมดอายุ การอ่านฉลากก่อนใช้ยาจะช่วยให้เราเข้าใจวิธีใช้ที่ถูกต้อง จึงทำให้ได้รับประโยชน์จากการใช้ยา

ยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีไว้ติดบ้าน

  • ยาบรรเทาปวดลดไข้ เช่น แอสไพริน พาราเซตามอล
  • ยาสำหรับโรคปากและลำคอ เช่น ยาอมสำหรับบรรเทาอาการระคายคอ ยาแก้ปวดฟัน
  • ยาแก้ปวดท้องหรือยาท้องเสีย เช่น ยาขับลม ยาธาตุน้ำแดง ยาธาตุน้ำขาว ผงน้ำตาลเกลือแร่
  • ยาสำหรับทำแผล เช่น แอลกอฮอล์ล้างแผล ทิงเจอร์ไอโอดีน

สำหรับการใช้ยาในชีวิตประจำวันนั้นควรอ่านฉลากยาก่อนใช้ทุกครั้ง หากไม่แน่ใจในวิธีการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรณ์ และไม่ควรใช้ยาน้อยหรือมากเกินขนาดที่กำหนด เพื่อให้ผลในการรักษามีประสิทธิภาพนั่นเอง