หากอยากให้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งออกมาสวยงามนั้น มีหลายอย่างที่เป็นองค์ประกอบ อย่างเรื่องของสถานที่ในการถ่ายภาพ เพราะสถานที่ที่มีความแตกต่างกันจะให้อารมณ์ของภาพถ่ายที่แตกต่างกันไปด้วย ชุดพรีเวดดิ้งที่สวมใส่ ช่วงเวลาของการถ่ายภาพ องค์ประกอบเหล่านี้มีผลต่อการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งทั้งนั้น และมีปัจจัยหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆในการถ่ายภาพคือเรื่องของแสง หากมีแสงที่พอเหมาะภาพถ่ายก็จะสวยงาม บทความนี้มีคำแนะนำสำหรับการใช้แสงในการถ่ายพรีเวดดิ้ง เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่สวยลงตัวในทุกภาพ
กรณีถ่ายภาพในสตูดิโอ
สามารถใช้ได้ทั้งแสงไฟ LED หรือจะใช้เป็นไฟแฟลชก็ได้ เพื่อเพิ่มความสว่างให้เห็นคู่รักได้อย่างเด่นชัด สำหรับการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งในสตูดิโอนั้นสิ่งสำคัญคือถ่ายภาพออกมาแล้วจะต้องมีประกายตา กรณีใช้แสงไฟโดยการยกไฟสูงเหนือศรีษะของคู่รัก ช่างภาพจะต้องดูว่าแสงไฟในระดับที่จัดไว้พอถ่ายภาพแล้วจะมีประกายตาหรือไม่ และต้องดูว่าโครงหน้าของคู่รักทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงนั้นมีลักษณะอย่างไร เช่น หน้ากลม หน้าเรียวยาว ช่างภาพจะต้องดูว่าแสงที่มากระทบหน้านั้นมีความเหมาะสม สามารถกลบจุดด้อยของใบหน้าได้หรือไม่ ก่อนที่จะกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพต้องพิจารณาจุดนี้ด้วย
กรณีถ่ายภาพกลางแจ้ง
ต้องพิจารณาในเรื่องของแสงจากธรรมชาติ โดยแสงจะต้องไม่สว่างเกินไป ให้หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพในช่วงบ่าย เพราะแสงแดดจะแรงมาก ให้ถ่ายภาพในช่วงเช้าและช่วงตอนเย็น แต่สำหรับในกรณีที่ช่วงบ่ายท้องฟ้ามีเมฆเยอะแสงแดดไม่แรงมาก ก็สามารถถ่ายภาพให้ออกมาสวยงามได้
การเลือกถ่ายภาพในบริเวณที่มีต้นไม้ให้ร่มเงา ไม่ควรจะเลือกบริเวณที่มีต้นไม้เยอะเกินไป เพราะเวลาที่ถ่ายภาพออกมา ร่มเงาของต้นไม้จะทำให้สีผิวนั้นดูอมเขียว
ใช้แสงที่สาดส่องผ่านเข้ามาภายในห้อง
สามารถถ่ายภาพโดยใช้แสงจากธรรมชาติที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แนะนำว่าควรถ่ายภาพในช่วงที่คู่รักแต่งหน้าพึ่งเสร็จ เพราะจะได้ภาพที่ดูมีความสดชื่น ดูมีความกระตือรือร้น โดยให้คู่รักไปยืนหรือนั่งบริเวณหน้าต่างที่แสงจากภายนอกส่องถึงได้ ทั้งนี้ควรมีผ้าม่านโปร่งแสงสีขาว เพื่อให้แสงเบาลง จะส่งผลให้ภาพมีความนวลสวยงาม
กรณีถ่ายภาพช่วงใกล้ค่ำ
หากถ่ายภาพในช่วงที่เวลาใกล้ค่ำแล้ว แสงแดดไม่ค่อยจะมีแล้ว ให้ใช้ไฟ LED เข้ามาช่วย สามารถปรับแสงไฟได้ทั้งแบบเป็นแสงสีส้มหรือจะปรับเป็นแสงไฟสีขาวก็ได้ แล้วแต่ความชอบว่าต้องการแบบไหน
สำหรับการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้ออกมาสวยงาม สิ่งสำคัญจะต้องคำนึงถึงความแรงของแสง หากมีแสงน้อย หรือมากเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อการถ่ายภาพ ให้ช่างภาพสังเกตถึงความเหมาะสม ดูความสมดุลของแสงในแต่ละช่วงเวลาด้วย